Sports

เส้นทางค้าแข้ง 7 ปี ในเจลีกของ เจ-ชนาธิป สรงกระสินธ์

ชีวิตคนเราไม่แน่นอนและอยู่กับความเปลี่ยนแปลงเสมอ โดยเฉพาะอาชีพ “นักฟุตบอล” ที่ต้องย้ายทีมเสมอ ทั้งด้วยความเต็มใจ เพื่อหาความท้าทายใหม่ มีโอกาสประสบความสำเร็จ หรือได้ค่าเหนื่อยที่เพิ่มสูงขึ้น

แต่บางคนต้องจำใจย้ายทีมเพื่อโอกาสลงสนามมากขึ้นเหมือน “เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ กองกลางกัปตันทีมชาติไทย ที่เจอทางตันในการค้าแข้งในเจลีก ญี่ปุ่น หลังกลายเป็นตัวสำรองของ คาวาซากิ ฟรอนตาเล จนมีข่าวเตรียมเก็บกระเป๋ากลับมาเล่นในไทยลีกในรอบ 7 ปี ซึ่งมี บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เตรียมอ้าแขนรับ

ตลอด 7 ปีบนดินแดนซามูไร ชนาธิป สร้างตำนานมากมาย พร้อมพิสูจน์ให้เห็นว่า แม้รูปร่างเล็กแต่สามารถเอาตัวรอดและประสบความสำเร็จในลีกที่ถูกยกย่องว่าที่สุดของเอเชียได้ แล้วก้าวต่อไปของเขาจะเป็นอย่างไร ไปติดตามกับ BallThaiStand

ก้าวที่ยิ่งใหญ่กับการล่าฝันในเจลีก

“เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ มีความฝันว่าอยากออกไปค้าแข้งในเจลีก ญี่ปุ่น หลังจากประสบความสำเร็จทั้งระดับสโมสร และก้าวไปติดทีมชาติไทย ชุดใหญ่

ในปี 2017 ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงในชีวิตครั้งสำคัญ เมื่อ “เมืองทอง ยูไนเต็ด” ตัดสินใจปล่อยตัวเขาไปร่วมทีม “คอนซาโดเล ซัปโปโร” ด้วยสัญญายืมตัวเป็นเวลา 1 ปีครึ่ง

การย้ายทีมของ ชนาธิป เกิดขึ้นในช่วงเลก 2 ของเจลีก เท่ากับว่า 6 เดือนแรกบนลีกเบอร์ 1 ของเอเชีย เขาต้องปรับตัวให้เข้ากับแท็คติกใหม่ รูปแบบการฝึกใหม่ที่หนักกว่าเดิม รวมถึงเรื่องโภชนาการที่เป็นมืออาชีพ

ต้องเจอสภาพอากาศที่เลวร้ายทั้งร้อนและหนาวจัดในสนามฝึกซ้อมและสนามจริงเขาต้องเอาชนะใจ พร้อมกับสร้างความเชื่อมั่นให้กับเพื่อนร่วมทีมให้ได้

เทอมแรกในเจลีก ภายใต้การคุมทีมของ “ชูเฮ โยโมดะ” ดาวเตะร่างเล็กได้โอกาสลงสนาม 16 เกม ยิงไม่ได้สักประตู ทำได้ 1 แอสซิสต์เท่านั้น

มิไฮโล เปโตรวิช ป๋าดันที่ส่ง ชนาธิป กลายเป็นแข้งระดับแนวหน้าของเจลีก

จุดเปลี่ยนที่ทำให้ ชนาธิป คือการเข้ามาคุมทีมของ “มิไฮโล เปโตรวิช” ในปี 2018

เปโตรวิช ปรับบทบาทให้ ชนาธิป จนกลายเป็นหัวใจสำคัญในแนวรุก จังหวะที่ทีมใส่เกียร์ 5 บดขยี้คู่แข่งทุกคนจะมองหา ชนาธิป จากนั้นเขาจะคอยแจกจ่ายบอลให้เพื่อนและสอดเข้าไปทำประตู

การเล่นแบบนี้ทำให้เขาลงสนามในเจลีกไป 30 นัด ยิง 8 ประตูกับ 2 แอสซิสต์ พาทีมจบอันดับ 4 กลายเป็นอันดับที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร

จากนักเตะธรรมดาตอนนี้เขากลายเป็นขวัญใจคนใหม่ของสโมสรจนเพื่อนร่วมทีมโหวตให้คว้ารางวัลนักเตะทรงคุณค่าประจำฤดูกาล 2018 พร้อมกับเซ็นสัญญาถาวรยาว 6 ปี ตั้งแต่ปี 2019-2025

นอกจากนี้เขายังถูกเลือกให้ติดทีมยอดเยี่ยมประจำศึกเจลีก 2018 เคียงข้างกับซูเปอร์สตาร์ระดับแนวหน้าของลูกหนังแดนปลาดิบ อาทิ โชโกะ ทานิกูจิ, เคนโงะ นากามูระ,อากิฮิโร อิเอนากะ และ เรียวตะ โอชิมะ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นเพื่อนร่วมทีม ชนาธิป ในสโมสร คาวาซากิ ฟรอนตาเล

ชนาธิป เผยว่า “มิช่า วางตำแหน่งให้ผมเล่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผมได้เรียนรู้การเล่นเกมรับและวินัยในเกม ผมยิงประตูได้ดีขึ้นและสนุกกับการเล่นแนวทางนี้ ”

ตัวเล็กแต่ประสบความสำเร็จในเจลีกได้อย่างไร

ด้วยความสูงเพียง 158 เซนติเมตร แต่ต้องชม “พ่อจุ้ง” ก้องภพ สรงกระสินธ์ ที่ฝึกปรือลูกชายให้มีความพร้อมสำหรับการเป็นนักฟุตบอลที่ดีทั้งเรื่องเทคนิค การเลี้ยงกินตัว การรับส่งบอล และการสอนให้เล่นบอลได้ทั้ง 2 เท้า

เมื่อย้ายมาเล่นในเจลีกเขาได้ฝึกซ้อมเข้มข้นขึ้น รับประทานอาหารเป็นสัดส่วนตามที่สโมสรกำหนดไว้ เพื่อการันตีว่าเขาจะรับสารอาหารที่เหมาะสมหลังการฝึกซ้อมหนัก นั่นทำให้เขายกระดับฝีเท้าขึ้นเรื่อยๆ จน “มิไฮโล เปโตรวิช” ชื่นชมว่า “ชนาธิป” ฝีเท้าโดดเด่นไม่ต่างจาก “อันเดรส อิเนียสตา” กองกลางมันสมองอดีตทีมชาติสเปนและบาร์เซโลนา ที่ค้าแข้งอยู่กับ วิสเซล โกเบ เลยทีเดียว

กุนซือเลือดเซิร์บเคยให้สัมภาษณ์ว่า “ผมคิดว่าในเจลีกมี อิเนียสต้า อยู่ 2 คน แน่นอนว่าคนหนึ่งคือ อิเนียสตา ตัวจริงเสียงจริง ส่วนอีกคนคือ ชนาธิป ผมคิดว่าเขาให้ความรู้สึกที่คล้ายกัน”

“ชนาธิป ตัวเล็ก และอาจจะถูกมองว่ามันทำให้เขาเสียเปรียบในหลายด้าน แต่เขาเป็นนักเตะประเภทที่เปลี่ยนให้มันเป็นข้อได้เปรียบได้ เขาเอามันมาใช้เป็นประโยชน์ในด้านความคล่องตัว”

“การจัดการกับบอล ความเร็ว รวมถึงการเล่นแบบเฉลียวฉลาดและความสามารถในการเลี้ยงบอล การเปลี่ยนจุดอ่อนให้เป็นข้อได้เปรียบได้คือจุดแข็งของเขา”

ย้ายซบ คาวาซากิ ฟรอนตาเล ไม่ใช่เรื่องล้มเหลว

คาวาซากิ ฟรอนตาเล คือยอดทีมระดับแนวหน้าของเจลีก ในปัจจุบัน พวกเขาคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของแดนซามูไร 4 สมัย เป็นรองแค่ คาชิมา แอนเลอร์ส์ ที่ฟาดแชมป์ไป 8 สมัยและ โยโกฮามา มารินอส ที่ได้ไป 5 สมัย เท่านั้น ในรอบ 10 ปีหลังสุดไม่มีทีมไหนคว้าแชมป์เจลีกได้มากกว่าพวกเขาแล้ว

ความโชคร้ายของ คาวาซากิ ฟรอนตาเล คือมักจะเสียนักเตะตัวหลักอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น คาโอรุ มิโตมะ ที่โดน ไบรท์ตันฯ คว้าตัวไป ร่วมไปถึง เรโอะ ฮาตาเตะ ที่ย้ายไปเล่นกับ กลาสโกว์ เซลติก ในสก็อตติชพรีเมียร์ลีก นั่นทำให้ทีมต้องหานักเตะตัวรุกคุณภาพสูงปิดหลุมดำ

ชนาธิป มีคุณสมบัติทุกอย่างที่ คาวาซากิ ฟรอนตาเล ต้องการ ไม่ว่าจะเรื่องความเร็ว เทคนิคดี เล่นได้น่าตื่นตาตื่นใจ มีแฟนคลับเพียบ ส่วน ชนาธิป มีความฝันว่าอยากคว้าแชมป์เจลีก ซึ่ง คาวาซากิ ฟรอนตาเล มีคุณสมบัติครบถ้วนที่ทำให้เขาสมหวัง

ต้นปี 2022 คาวาซากิ ฟรอนตาเล ทุ่มเงิน 130 ล้านบาท คว้า ชนาธิป มาร่วมทีม แต่กลายเป็นว่า ชนาธิป ต้องเจอสถานการณ์ที่ยากลำบาก กับการปรับตัวเข้ากับแท็คติคของ “โทรุ โอนิกิ” กุนซือของทีมที่เน้นระบบการเล่นเป็นอย่างมาก

ส่วนใหญ่ ชนาธิป จะได้ลงสนามเป็นตัวจริง ได้โอกาสโชว์ฝีเท้าเพียง 60-65 นาที แล้วถูกเปลี่ยนตัวออก แถมช่วงหลังยังมีอาการบาดเจ็บรบกวนบ่อย ทำให้ปีแรกกับ คาวาซากิ ฟรอนตาเล เขาได้ลงสนามเพียง 16 เกม และทำได้ 2 แอสซิสต์ พร้อมกับจบด้วยตำแหน่งรองแชมป์เจลีก

ฤดูกาลนี้ ชนาธิป หวังจะยึดตัวจริงให้ได้ แต่บรรดากองกลางตัวหลักของทีมทั้ง เจา ชมิดท์ กองกลางตัวรับ รวมถึง เรียวตะ โอชิมะ ที่เล่นตำแหน่งเดียวกับ ชนาธิป สลัดอาการบาดเจ็บฟิตกลับมาเต็มถัง ไหนจะขาประจำอย่าง ยาซูโตะ วากิซากะ ที่จองสัมปทานอยู่แล้ว

ทำให้ โอนิกิ เลือกที่จะใช้ทั้ง 3 คนประสานงานในแดนกลางมากกว่าจอมทัพทีมชาติไทย จน ชนาธิป ได้โอกาสลงสนามแค่ 2 เกมในเจลีก โดยเฉพาะเกมนัดสุดท้ายของเลกแรก เขาไม่มีชื่อแม้กระทั่งบนม้านั่งสำรอง จนมีมีข่าวโยกย้ายทีม

ก้าวต่อไปกับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ปลุกไทยลีกให้คึกคัก

แม้ นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานสโมสรการท่าเรือ ได้เผยว่าได้พยายามคุยและโน้มน้าว ชนาธิป ให้ย้ายมาเล่นกับ การท่าเรือ แต่กลายเป็น บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่เอาจริง เดินหน้ายื่นข้อเสนอเงิน 70 ล้านบาทให้ คาวาซากิ ฟรอนตาเล พิจารณา

“เดอะ แรบบิท” เดินหน้าเอาจริง และต้องการ ชนาธิป มาเป็นฟันเฟืองพาทีมล่าความสำเร็จ ที่สำคัญสโมสรแห่งนี้มีความพร้อมทุกด้านไม่ว่าจะเป็นความเป็นมืออาชีพ สถานะการเงิน โอกาสประสบความสำเร็จ ได้ไปเล่นฟุตบอลถ้วยสโมสรเอเชีย และยังมีอดีตเพื่อนร่วมทีมชาติไทยและเคยร่วมงานกันมาหลายคน ไม่ว่าจะเป็น สารัช อยู่เย็น หรือพี่ใหญ่อย่าง ธีรศิลป์ แดงดา น่าจะปรับตัวไม่ยาก

คงไม่มีสโมสรไหนแล้วที่จะเพรียบพร้อมและเหมาะสมกับนักเตะระดับเจลีกอย่างเขา หากเขาได้ย้ายมาร่วมทีม บีจี ปทุม ยูไนเต็ด จริงๆ น่าจะทำให้ฟุตบอลไทยคึกคักขึ้น เพราะ ชนาธิป คือนักเตะเบอร์ 1 ของเมืองไทย เขาเป็นนักเตะที่เล่นได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ที่สำคัญเขาจะได้โชว์ฝีเท้าและความสามารถเต็มที่

การเปลี่ยนแปลงทุกครั้งย่อมดีเสมอ ชนาธิป ไม่ต้องพิสูจน์ตัวเองอีกแล้วว่าเจ๋งแค่ไหน แม้ไม่ได้โทรฟีแชมป์

แต่อย่างน้อย ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าแม้จะตัวเล็ก แต่สามารถสร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่ในเจลีกและกลายเป็นตำนานเรียบร้อยแล้ว

Related Posts

พูดได้ไหม “เสกสรรค์” ระบายความในใจถึง “ทีมชาติไทย” เผย 2 สาเหตุทำเสมอ “สปป.ลาว”

พูดได้ไหม “เสกสรรค์” ระบายความในใจถึง “ทีมชาติไทย” หลังเสมอ “สปป.ลาว” เผย 2 สาเหตุทำให้จบแค่เจ๊า วันที่ 17 พฤศจิกายน 2567 เสกสรรค์ ราตรี กองกลางดาวรุ่งทีมชาติไทย ให้สัมภาษณ์หลังเกมฟุตบอลอุ่นเครื่องฟีฟ่าเดย์ เดือนพฤศจิกายน นัดที่ 2 ที่สนามมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต “ช้างศึก” อันดับ 96 ของโลก เสมอกับ ทีมชาติ สปป.ลาว อันดับ 187…

De una primera a otra primera: el enorme reconocimiento de Iga Swiatek hacia Rafael Nadal

La tenista polaca habló sobre la retirada del español. Se considera una gran fanática de La Fiera. Tan solo restan tres días para que Rafael Nadal ingrese al court central…

Video: As the Dodgers defeat the Yankees, Shohei Ohtani celebrates winning his first career World Series

Coming into the 2024 season, Shohei Ohtani had just about every major accomplishment an MLB player could want, besides one: a World Series win. The superstar finally has…

Wales v Wallabies: David Campese’s five takeaways as Warren Gatland on the brink as ‘big question’ looms, while ‘world-class’ back shines for Australia

Following Australia’s emphatic 52-20 victory over Wales in Cardiff, here are the five key takeaways from Wallabies icon David Campese. The top line It’s a long time since…

Colapinto recibe una advertencia de “soy el siguiente” de un junior de Red Bull después de firmar un acuerdo “bastante importante”

El joven de Red Bull, Isack Hadjar, ha afirmado que “soy el siguiente en la lista” para ocupar un asiento en la escudería, en medio de informes sobre…

El CEO de Liberty, que se retira, emite su veredicto sobre la venta de la F1 mientras se retoma el rumor de una adquisición por 20.000 millones de dólares

El director ejecutivo de Liberty Media, Greg Maffei, no cree que haya “ningún plan” para vender la F1 una vez que deje la compañía a finales de año,…

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *